8 มีนาคม ของทุกปี เป็น วันสตรีสากล โอกาสสำคัญในการรำลึกถึงการต่อสู้ของผู้หญิงทั่วโลกเพื่อสิทธิและความเท่าเทียม เฉลิมฉลองความสำเร็จของผู้หญิงในหลากหลายบทบาท และกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในสังคม
ประวัติความเป็นมา
ย้อนไปปี ค.ศ. 1908 กรรมกรหญิงในโรงงานทอผ้าเมืองชิคาโก ประเทศสหรัฐอเมริกา ลุกฮือขึ้นหยุดงานประท้วงต่อต้านสภาพการทำงานที่โหดร้าย เหตุการณ์นี้จุดประกายการเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิสตรี นำไปสู่การกำหนด วันสตรีสากล ครั้งแรกในปี ค.ศ. 1911
ความสำคัญของวันสตรีสากล
- รำลึกถึงการต่อสู้ ย้อนรอยประวัติศาสตร์ เชิดชูวีรกรรมผู้หญิงที่อุทิศตนเพื่อสิทธิและความเท่าเทียม
- เฉลิมฉลองความสำเร็จ ยกย่องผู้หญิงที่สร้างผลงาน สร้างแรงบันดาลใจ เป็นแบบอย่างให้กับผู้หญิงรุ่นต่อไป
- ขับเคลื่อนนโยบาย กระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ผลักดันนโยบาย กฎหมาย และแนวทางปฏิบัติที่ส่งเสริมความเท่าเทียม
- สร้างความตระหนัก รณรงค์ให้สังคมตระหนักถึงปัญหา อคติ และความเหลื่อมล้ำทางเพศ
- ส่งเสริมความร่วมมือ กระตุ้นให้ทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาสังคม ร่วมมือกันขับเคลื่อนความเท่าเทียม
ธีมวันสตรีสากลปี 2567
“Embrace Equity” มุ่งเน้นการ “ยอมรับความเท่าเทียม” กระตุ้นให้ทุกภาคส่วน ตระหนักถึง เข้าใจ และยอมรับความแตกต่าง ร่วมกันสร้างสังคมที่ทุกคนมีโอกาสเท่าเทียมกัน โดยไม่คำนึงถึงเพศ เชื้อชาติ ศาสนา สถานะทางสังคม หรือความพิการ
กิจกรรมวันสตรีสากล
ทั่วโลกมีการจัดกิจกรรมต่างๆ มากมาย เช่น การประชุม การเสวนา การเดินขบวน การจัดนิทรรศการ เพื่อรำลึก เฉลิมฉลอง และขับเคลื่อนประเด็นความเท่าเทียม
บทบาทของเรา
ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนความเท่าเทียม โดยเริ่มจาก
- เรียนรู้ ศึกษาปัญหา อคติ และความเหลื่อมล้ำทางเพศ
- ตระหนัก เปิดใจ ยอมรับความแตกต่าง เคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
- ปฏิบัติ เปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ต่อต้านการเลือกปฏิบัติ ส่งเสริมความเท่าเทียมในชีวิตประจำวัน
- สนับสนุน องค์กร โครงการ กิจกรรม ที่ส่งเสริมความเท่าเทียม
- ร่วมรณรงค์ กระจายเสียง ผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในสังคม
วันสตรีสากล เป็นเพียงจุดเริ่มต้น ความเท่าเทียมที่แท้จริง จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ร่วมกันสร้างสังคมที่ผู้หญิงและผู้ชายมีโอกาสเท่าเทียมกัน บนพื้นฐานของความเคารพ ยอมรับ และเข้าใจ