‘ตับ‘ นั้นเป็นอวัยวะที่อยู่ในร่างกายของเรา มีหน้าที่ทำลายสารพิษ หรือเป็นตัวกรองของเสียที่ออกจากเลือด ทั้งยังช่วยสร้างภูมิคุ้มกันต่อต้านโรคและทำให้เลือดแข็งตัว สร้างน้ำดีเพื่อย่อยอาหาร ตลอดจนดูดซึมวิตามินที่ละลายในน้ำมัน เมื่อตับต้องทำหน้าที่หลายอย่างแบบนี้ เพื่อตับเกิดได้รับความเสียหาย หรือทำงานได้อย่างไม่มีประสิทธิภาพขึ้นมาแล้วล่ะก็ แน่นอนว่าร่างกายจะเกิดอาการที่ผิดปกติอย่างรวดเร็ว แล้วอาการแบบไหนล่ะถึงจะทำให้เรารู้ได้ว่าเสี่ยงที่จะเป็นโรคตับแล้ว
- เบื่ออาหาร กินอะไรได้น้อย หรือกินไม่ลง
- มีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย
- ท้องบวม เท้าบวม
- น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วทั้งที่ไม่ได้อยู่ในช่วงของการลดน้ำหนัก
- มีอาการคลื่นไส้บ่อยๆ อย่างไร้สาเหตุ
- มีอาการคล้ายกับการเป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดี
- มีเลือดออกง่าย เนื่องจากตับทำงานได้ไม่ดีพอ จึงทำให้เลือดไม่แข็งตัว
- อาเจียนเป็นเลือด เนื่องจากความดันในตับเพิ่มสูงขึ้น ทำให้หลอดเลือดดำในหลอดอาหารมีความดันสูง ซึ่งหากเกิดมีความดันสูงมากก็จะทำให้หลอดเลือดดำแตก จนอาเจียนออกมาเป็นเลือดได้
- มีอาการตัวเหลือง ตาเหลือง เนื่องจากตับไม่สามารถขับน้ำดีออกมาได้
- อาจเป็นโรคริดสีดวงทวาร
เมื่อดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปมากๆ จนเกิดการสะสม ก็อาจทำให้เราเป็นโรคตับแข็ง ทั้งยังมีสาเหตุมาจากโรคไวรัสตับอักเสบบีได้เพิ่มอีกด้วย ฉะนั้น ต้องระวังเรื่องสุขภาพและการใช้ชีวิตของตัวเองให้ดี
ท้ายที่สุด หากมีอาการเหล่านี้เกิดขึ้นเพื่อส่งเป็นสัญญาณเตือน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง น้ำหนักลด เบื่ออาหาร และเท้าบวม ท้องบวม ให้รีบเดินทางไปพบแพทย์โดยด่วน เนื่องจากตับเป็นอวัยวะที่ไม่สามารถตัดออกไปข้างใดข้างหนึ่งเหมือนกับไต หรือปีกมดลูกได้ ที่สำคัญ ตับยังมีความสำคัญกับร่างกายของเราเป็นอย่างมาก เพราะมีหน้าที่หลายอย่าง หากเกิดการทำงานที่ผิดปกติเมื่อไหร่ สุขภาพของเราก็ยิ่งแย่ลงไปมากเท่านั้น